เส้นเลือดขอด หากเป็นแล้วไม่รักษาปล่อยให้ อาการกำเริบหนัก อาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้ การบรรเทาอาการเส้นเลือดขอดสามารถทำได้ด้วยการนวดเส้นเลือดขอดประคบฝ่าเท้าผู้ที่ยืนนาน ๆ หรือสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดขอดมากกว่าคนทั่วไป การนวดเท้าตรงตำแหน่งที่ส่งผลต่อน่องจะช่วยบรรเทาและป้องกันอาการเส้นเลือดขอดได้ โดยให้ใช้ท้องนิ้วหัวแม่มือวางลงตรงด้านนอกเท้าบริเวณปลายกระดูกส้นเท้า จากนั้นออกแรงกด นวดคลึงประมาณ 15 นาที ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดอาการได้ นอกจากนี้ยังมีท่าออกกำลังกายที่ช่วยป้องกัน หรือบรรเทาการเกิดเส้นเลือดขอดในระยะเริ่มต้นได้เช่น
ท่าบริหารเส้นเลือดขอดง่าย ๆ 4 ท่า
- กระดกข้อเท้า ขึ้นและลง ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 20 ครั้ง เพื่อเพิ่มการบีบตัวของกล้ามเนื้อ และช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- หมุนข้อเท้า เป็นวงกลม วนขวา 10 ครั้ง และวนซ้ายอีก 10 ครั้ง
- กระดกข้อเท้าขึ้นแล้วงอเข่า จากนั้นเหยียดเข่าออก พร้อมถีบปลายเท้าลง ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 20 ครั้ง
- ยืนเขย่งเท้าขึ้น สลับกับยืนด้วยส้นเท้า ทำสลับกัน 20 ครั้ง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด
- เส้นเลือดขอดมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จากการศึกษาของนักวิจัยพบว่า อาจมีสาเหตุจากฮอร์โมนของเพศหญิงที่ทำให้ผนังหลอดเลือดคลายตัวลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการรั่วของลิ้นหลอดเลือดได้มากกว่าเพศชาย
- เส้นเลือดขอดมักพบในผู้ที่เป็นโรคอ้วน และผู้หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนและน้ำหนักตัวที่มาก ส่งผลให้เลือดหมุนเวียนได้ไม่สะดวก เกิดการคั่งของเลือดโดยเฉพาะบริเวณขา
- ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องยืนหรือนั่งนาน ๆ หรือผู้ที่ชอบนั่งไขว่ห้าง
- ผู้ที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน
- กรรมพันธุ์ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีครอบครัวมีประวัติเป็นเส้นเลือดขอดมาก่อน จะมีความเสี่ยงเป็นเส้นเลือดขอดสูงกว่าคนทั่วไป
- ขาดการออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหวเวียนไม่สะดวก
- เส้นเลือดขอดมักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะวัยสูงอายุ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งเสี่ยงสูง เนื่องจากความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของลิ้นหลอดเลือดลดน้อยลง
อาการของเส้นเลือดขอด แบ่งออกเป็น 3 ระยะตามความรุนแรงของอาการ
- เส้นเลือดขอดแบบฝอย จะเห็นได้ว่าแตกเป็นเส้นเล็ก ๆ มีสีแดงหรือม่วง ในระยะนี้ผู้ที่เป็นมักจะไม่มีอาการอะไรเลย แต่อาจจะมีอาการปวดขา ปวดกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริวในตอนกลางคืน
- เส้นเลือดขอดขนาดกลาง จะเริ่มเห็นเส้นเลือดโป่งพองออกมา แต่ไม่มากเท่าไหร่ ในระยะนี้ผู้ที่เป็นจะมีอาการปวดบวมที่ขาและเท้า รู้สึกร้อนบริเวณขาส่วนล่าง
- เส้นเลือดขอดขนาดใหญ่ ระยะนี้จะเห็นเส้นเลือดโป่งพองนูนออกมาเป็นขด ๆ อย่างชัดเจน มีสีเขียวผสมม่วง ผู้ที่เป็นจะมีการเจ็บปวดบริเวณเส้นเลือดที่ขอด มีการอักเสบของผิวหนัง อาจจะมีสีคล้ำกว่าบริเวณอื่น หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษา เส้นเลือดอาจจะแตกจนเป็นแผล และหากเกิดโรคแทรกซ้อนอีก อาจจะต้องสูญเสียขา หรืออาจเสียชีวิตได้
เส้นเลือดขอดไม่ได้เกิดขึ้นได้แค่ที่ขาเท่านั้น สามารถเกิดกับอวัยวะส่วนอื่นได้ด้วย แม้แต่อวัยวะภายในก็เกิดได้เช่นกัน เช่น เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร เกิดจากพังผืดในตับ ดึงรั้งทำให้เกิดความดันเลือดในตับ และในหลอดอาหารสูงขึ้น จนเกิดเส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร หากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารแตกจะทำให้ผู้ป่วยอาเจียนเป็นเลือด อาจถึงช็อกและเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นเลือดขอดที่ทวารหนัก (โรคริดสีดวง) เส้นเลือดขอดในมดลูก เป็นต้น
สำหรับผู้ที่เป็นเส้นเลือดขอดในระยะแรก ๆ ที่ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดหรือภาวะแทรกซ้อนใด ๆ สามารถรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนี้
- ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้เกินค่า BMI
- สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ อาการเส้นเลือดขอดจะค่อย ๆ หายไปเอง หลังจากคลอด 3 – 12 เดือน
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนาน ๆ พยายามเปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ ขยับแขนหรือขา จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง
- หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ควรใช้เป็นรองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าเพื่อสุขภาพ จะช่วยลดเส้นเลือดขอดลงได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเป็นการรักษาเส้นเลือดขอด สำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ๆ นอกจากจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตแล้ว ยังสามารถบริหารร่างกายควบคู่ไปด้วย จะช่วยให้เส้นเลือดขอดหายได้ง่ายขึ้น
สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บปวด และบวมบริเวณเส้นเลือดขอด หรือเป็นมากกว่านั้น ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัย และประเมินอาการ เพื่อหาแนวทางการรักษาตามระดับอาการ