หลอดเลือดขอด เป็นโรคที่พบบ่อยในคนทั่วไปในปัจจุบัน ถือว่าเป็นโรคที่ไม่มีอาการรุนแรงมากนัก แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ควรศึกษาหาข้อมูลเพื่อเป็นรายละเอียดในการดูแหตนเองให้ห่างไกลหรือสามารถบรรเทาอาการของเส้นเลือดขอดภาษาอังกฤษได้ หากมีอาการรุนแรงมากกว่าเดิมควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย และรักษาอาการเส้นเลือดขอดต่อไป
สาเหตุของเส้นเลือดขอด
- เส้นเลือดขอดมักเกิดจากผนังหลอดเลือดและลิ้นควบคุมการไหลของเลือดที่อ่อนแอ เนื่องจากภายในหลอดเลือดจะมีลิ้นเล็ก ๆ คอยเปิดให้เลือดไหลผ่านแล้วปิดป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับไปสู่ส่วนล่างของร่างกาย
- ผนังหลอดเลือดที่บางครั้งอาจขยายตัวออกจนสูญเสียความยืดหยุ่นเป็นสาเหตุให้ลิ้นที่คอยเปิดปิดนี้อ่อนแอลง เมื่อลิ้นหลอดเลือดไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจึงทำให้เลือดรั่วออกมาและไหลย้อนกลับไปที่ส่วนล่างของร่างกาย ส่งผลให้เลือดสะสมในหลอดเลือดและเกิดอาการบวมพองตามมา
- เส้นเลือดขอดภาษาอังกฤษ สาเหตุที่ผนังหลอดเลือดยืดขยายตัวจนลิ้นเปิดปิดหลอดเลือดอ่อนแอลงนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดดังต่อไปนี้
เพศหญิง เส้นเลือดขอดมีโอกาสเกิดขึ้นในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยนักวิจัยชี้ว่าอาจมีสาเหตุจากฮอร์โมนเพศหญิงที่ไปทำให้ผนังหลอดเลือดคลายตัวลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการรั่วของลิ้นหลอดเลือด
- มีพันธุกรรม ผู้ที่บุคคลในครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอดจะยิ่งมีโอกาสเกิดโรคนี้ ดังนั้นพันธุกรรมจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการเกิดเส้นเลือดขอด
- อายุมาก เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หลอดเลือดก็เริ่มที่จะหลวมและหย่อนตัวลง เป็นเหตุให้ลิ้นหลอดเลือดทำงานได้ไม่ดีตามไปด้วย
- มีน้ำหนักมาก น้ำหนักตัวจะทำให้เกิดแรงดันบนหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งเลือดกลับไปเลี้ยงหัวใจ ส่งผลให้เกิดแรงดันที่ลิ้นหลอดเลือดสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการรั่วของเลือดยิ่งขึ้น
- มีอาชีพที่ต้องยืนเป็นเวลานาน จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอด เพราะเลือดจะไหลได้ยากขึ้นเมื่อยืนเป็นเวลานาน
- หญิงตั้งครรภ์ ในระหว่างตั้งครรภ์ ปริมาณของเลือดในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูก แต่จะนำไปสู่การตึงของหลอดเลือด นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในหญิงตั้งครรภ์ที่สูงขึ้นยังสามารถทำให้ผนังกล้ามเนื้อของหลอดเลือดคลายตัวจนลิ้นเปิดปิดเลือดทำงานบกพร่องได้เช่นกัน
อาการของเส้นเลือดขอด
ผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดแรกเริ่มอาจสังเกตจากเส้นเลือดผ่านผิวหนัง โดยเห็นเป็นเส้นเลือดคดเคี้ยวและนูนออกมา หรือปรากฏเป็นสีม่วงเข้มหรือสีฟ้าบริเวณขา จากนั้นอาการเจ็บปวดหรืออาการอื่น ๆ จึงตามมา ได้แก่
- อาการเจ็บหรือรู้สึกหนักขา
- กล้ามเนื้อในขาส่วนล่างเป็นตะคริวหรือสั่นเป็นจังหวะ
- ขาส่วนล่างบวม แสบร้อน
- รู้สึกเจ็บมากขึ้นเมื่อนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน
- อาการคันรอบ ๆ เส้นเลือดเส้นใดเส้นหนึ่งหรือหลายเส้น
- มีเลือดออกจากเส้นเลือดที่บิดนูน
- อาการปวดในเส้นเลือดบริเวณที่ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง
- เส้นเลือดแข็งหรือเปลี่ยนสี มีอาการอักเสบของผิวหนังหรือมีแผลพุพองที่ผิวหนังใกล้ข้อเท้า ซึ่งเป็นอาการรุนแรงของเส้นเลือดขอดที่ควรต้องได้รับการรักษา
- อาการของเส้นเลือดขอดมักแย่ลงในสภาพอากาศร้อนหรือเมื่อยืนเป็นเวลานาน และจะดีขึ้นเมื่อได้เดินหรือพักขาด้วยการยกขาขึ้น
วิธีการรักษาเส้นเลือดขอด
- เส้นเลือดขอดแบบฝอย รักษาโดยฉีดสารเคมีเข้าสู่เส้นเลือดดำ (Sclerotherapy) เพื่อให้เส้นเลือดฝ่อ และตีบลง
- เส้นเลือดขอดขนาดใหญ่ รักษาด้วยการฉีดโฟม (Foam Sclerotherapy) เพราะโฟมมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขอดเกิดการอักเสบ จากนั้นร่างกายจะมีกลไกจัดการทำลายเส้นเลือดขอด และทำให้เส้นเลือดขอดค่อย ๆจางลงแล้วหายไป
- เส้นเลือดขอดขนาดใหญ่ ที่มีการรั่วของหลอดเลือด รักษาด้วยวิธีคลื่นวิทยุความถี่สูง Radio Frequency Ablation (RFA) ใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที หลังการรักษาเส้นเลือดขอดจะยุบลงประมาณ 50% และอีกใน 6-8 สัปดาห์ จะยุบตัวลงอีก 90-100%
หลังจัดการเส้นเลือดขอด ควรปฏิบัติ ดังนี้
- งดยกของหนัก หรือยืนนาน ๆ เป็นเวลา 3-7 วัน
- ควรใส่ผ้ายืด หรือซัพพอร์ทในบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อประคองกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณนั้น ส่วนระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นเลือด โดยเส้นเลือดเล็กฝอยให้ใส่ 1-3 วัน ส่วนเส้นเลือดขอดขนาดกลาง (ขนาดเท่าไส้ปากกา) ควรใส่อย่างน้อย 7 วัน ขึ้นไป
- ควรออกกำลังกายด้วยการเดินทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้ยากระจายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ควรพบแพทย์ตามนัดภายใน 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อแพทย์จะได้ติดตามผลการรักษา