โรคเส้นเลือดขอด อัณฑะ เป็นปัญหาสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่คอยทำให้วิตกกังวลใจ เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำในถุงอัณฑะบวมหรือขยายตัวขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อัณฑะผลิตอสุจิได้น้อยและอสุจิมีคุณภาพต่ำลง และอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือส่งผลให้ลูกอัณฑะหดตัวลง ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจมีอาการที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษา แต่หากอาการยังคงอยู่ ผู้ป่วยอาจเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดได้
สาเหตุของภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
หลอดเลือดอัณฑะขอด เป็นผลมาจากลิ้นปิดเปิดในหลอดเลือดดำบกพร่องหรือเสื่อมสมรรถภาพ ทำให้เลือดไหลย้อนกลับ (จากบนลงล่าง แทนจากล่างขึ้นบน) แบบเดียวกับหลอดเลือดขอดที่ขา (varicose vein) และหลอดเลือดขอดที่ทวาร (ริดสีดวงทวาร) ส่วนมากเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ประมาณร้อยละ 85 ของผู้ป่วยจะเป็นที่ถุงอัณฑะข้างซ้าย เนื่องเพราะลักษณะทางกายวิภาคของระบบหลอดเลือดดำของอัณฑะข้างซ้ายมีลักษณะแตกต่างจากข้างขวา กล่าวคือ หลอดเลือดดำของอัณฑะข้างซ้ายจะไหลเข้าสู่หลอดเลือดดำของไต (renal vein) ในขณะที่หลอดเลือดดำข้างขวาจะไหลเข้าสู่ท่อเลือดดำใหญ่ (inferior vena cava) โดยตรง ดังนั้นจึงเอื้อให้หลอดเลือดดำของอัณฑะข้างซ้ายเกิดการขอดตัวได้มากกว่าข้างขวา
โรคนี้มักพบในผู้ชายอายุ 15-25 ปี ในผู้ชายอายุเกิน 40 ปี พบได้น้อย หากพบในผู้ชายที่อายุเกิน 40 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่ถุงอัณฑะข้างขวาเพียงข้างเดียว อาจเกิดจากมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องกดทับหลอดเลือดดำในช่องท้อง ทำให้เกิดแรงดันลงมาที่หลอดเลือดดำของอัณฑะ เป็นเหตุให้เกิดการขอดตัวได้การวินิจฉัยภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
แพทย์จะตรวจร่างกายโดยคลำบริเวณอัณฑะเพื่อดูว่ามีก้อนเนื้อหรือหลอดเลือดดำที่ผิดปกติหรือไม่ หากยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยยืนขึ้น กลั้นหายใจ และเบ่งลมไปที่ท้อง โดยวิธีนี้จะช่วยให้เห็นการขยายตัวของหลอดเลือดดำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จากนั้น แพทย์อาจอัลตราซาวด์ถุงอัณฑะเพิ่มเติม เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในโครงสร้างด้านในของอัณฑะและบริเวณโดยรอบ ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดระดับขนาดของก้อนหลอดเลือดดำอัณฑะขอดประกอบการวินิจฉัยด้วย โดยระดับ 1 จะมีขนาดเล็กที่สุด และระดับ 3 จะมีขนาดใหญ่ที่สุด
อาการของภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
ผู้ป่วย Varicocele มักไม่มีอาการใด ๆ จึงทำให้บางคนอาจไม่ทราบว่าตนมีความผิดปกตินี้จนกว่าจะได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ อย่างไรก็ตาม ในคนที่มีอาการอาจสังเกตพบความผิดปกติได้ ดังนี้
- มีก้อนบวมที่อัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง และอัณฑะข้างหนึ่งอาจมีขนาดเล็กกว่าอีกข้างหนึ่ง
- หลอดเลือดดำบริเวณถุงอัณฑะขยายตัว บิดตัว หรือมีลักษณะคล้ายตัวหนอน
- ถุงอัณฑะบวม หรือมีอาการปวดตื้อ ๆ อยู่ภายใน
- เจ็บมากขึ้นเมื่อนั่ง ยืน หรือออกกำลังกายเป็นเวลานาน ๆ แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อเอนตัวนอน
- มีอาการแย่ลงในระหว่างวัน
การรักษาโรคหลอดเลือดอัณฑะ
- แพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของโรค ถ้าไม่มีอาการแสดง ก็ไม่ต้องให้การ รักษาแต่อย่างใด บางรายอาจหายได้เองเมื่ออายุมากขึ้น
- ถ้ามีอาการปวดหน่วง ๆ บ่อย ๆ อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใส่กางเกงในรัด ๆ หรือใช้เครื่องพยุงอัณฑะ (scrotal support)
- ในรายที่มีบุตรยาก (เป็นหมัน) หรือตรวจพบว่าอัณฑะฝ่อ แพทย์อาจทำการผ่าตัดแก้ไข หลังผ่าตัด อาจช่วยให้มีบุตรได้
- ในรายที่ตรวจพบหลังอายุ 40 ปี หรือเป็นที่อัณฑะข้างขวาข้างเดียว อาจต้องตรวจหาสาเหตุ (เช่น เนื้องอกในช่องท้อง) แล้วให้การแก้ไข้ตามสาเหตุ
อันตรายจากเส้นเลือดขอดในถุงอัณฑะ
ส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายใด ๆ ไปจนตลอดชีวิต ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้การรักษาแต่อย่างใด ในรายที่อัณฑะฝ่อหรือเป็นหมัน หลังผ่าตัดจะช่วยให้มีบุตรได้ เส้นเลือดขอดอาจเป็นสาเหตุของการเป็นหมันหรือมีลูกยากในผู้ชายประมาณ 14 % และพบว่าการผ่าตัดสามารถช่วยให้การทำงานของลูกอัณฑะดีขึ้นได้ แต่ไม่ทุกคน โดยพบว่าประมาณ 60% มีจำนวนและคุณภาพของตัวอสุจิดีขึ้น