เส้นเลือดขอดเป็นเส้นเลือดคดเคี้ยวและนูนออกมา หรือปรากฏเป็นสีม่วงเข้มหรือสีฟ้าบริเวณขา จากนั้นอาการเจ็บปวดหรืออาการอื่น ๆ จึงตามมา ซึ่งอาการเส้นเลือดขอดทายาไม่สามารถหายขาดได้ 100% ทำได้เพียงลดอาการไม่ให้กลายเป็นเส้นเลือดขอดใหญ่ๆ แต่หากเป็นเส้นเลือดขอดที่มองเห็นได้ชัด จะไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการทายาได้ โดยเฉพาะยาทาแก้เส้นเลือดขอดตามอินเทอร์เน็ต ที่ไม่มีรายงานวิจัยยืนยันที่เชื่อถือได้
อาการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากเส้นเลือดขอด
- กล้ามเนื้อในขาส่วนล่างเป็นตะคริวหรือสั่นเป็นจังหวะ
- รู้สึกเจ็บมากขึ้นเมื่อนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน
- มีอาการปวดในเส้นเลือดบริเวณที่ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง
- มีเลือดออกจากเส้นเลือดที่บิดนูน
- มีอาการคันรอบ ๆ เส้นเลือดเส้นใดเส้นหนึ่งหรือหลายเส้น
- มีอาการเจ็บหรือรู้สึกหนักขาขาส่วนล่างบวม แสบร้อน
- เส้นเลือดแข็งหรือเปลี่ยนสี มีอาการอักเสบของผิวหนังหรือมีแผลพุพองที่ผิวหนังใกล้ข้อเท้า ซึ่งเป็นอาการรุนแรงของเส้นเลือดขอดที่ควรต้องได้รับการรักษา
- อาการของเส้นเลือดขอดมักแย่ลงในสภาพอากาศร้อนหรือเมื่อยืนเป็นเวลานาน
ทำไมต้องให้ความสำคัญกับเส้นเลือดขอด
หลายคนอาจมองว่าการที่เกิดเส้นเลือดขอดนั้นไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อการดำเนินชีวิต แต่ความจริงแล้ว หากเราปล่อยให้เส้นเลือดขอดอยู่กับเราไปนาน ๆ คุณอาจจะต้องทุกข์ทรมานกับอาการปวดจนถึงขั้นไม่สามารถที่จะยืน หรือเดินได้ หรือในบางรายเป็นมากจนถึงขั้นเส้นเลือดแตก
ปัจจัยเสี่ยงของเส้นเลือดขอด
- กรรมพันธุ์ ในกรณีที่มีประวัติครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอด
- เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น จะเป็นหลอดเลือดขอดเพิ่มขึ้น เนื่องจากความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของลิ้นหลอดเลือดลดน้อยลง
- จากฮอร์โมนเพศ ซึ่งเพศหญิงจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชาย
- คนที่น้ำหนักมากเลือดจะหมุนเวียนได้ไม่สะดวก จะเกิดการคั่งค้างของเลือดบริเวณขามากขึ้น ทำให้เกิดหลอดเลือดขอดได้มาก
- การทำงานโดยต้องยืน เดิน นาน ๆ เช่น พนักงานขายสินค้า พนักงานเก็บค่าโดยสาร
- จากการนั่งไขว่ห้างบ่อย ๆ ทำให้เลือดเดินไม่สะดวก
- จากการใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งจะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ไม่ดี
บทความแนะนำ เติมไขมันที่หน้า จากเว็บไซต์ Rattinan.com
การวินิจฉัยเส้นเลือดขอด
แพทย์จะทำการตรวจร่างกายโดยตรวจดูขาขณะยืนเพื่อสังเกตอาการบวม รวมทั้งสอบถามว่ามีอาการเจ็บใด ๆ ที่ขาหรือไม่ จากนั้นอาจทำ ultrasound โดยใช้หัวตรวจเคลื่อนไปบนบริเวณขา เพื่อดูลักษณะการไหลของเลือดในเส้นเลือด รวมทั้งหาร่องรอยการสะสมของลิ่มเลือดที่อาจเป็นสาเหตุของการบวมและเจ็บ
บางครั้งแพทย์อาจจะใช้การตรวจเอกซเรย์หลอดเลือด (Angiogram) เพื่อนำมาประเมินการเกิดเส้นเลือดขอดให้แน่ชัดยิ่งขึ้น โดยจะฉีดสารทึบรังสีชนิดพิเศษเข้าไปในขาและเอกซเรย์ดูบริเวณดังกล่าว ภาพเอกซเรย์ที่ปรากฏจะเห็นเป็นสารทึบรังสีเพื่อให้แพทย์มองเห็นการไหลเวียนของเลือดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การตรวจด้วยการ ultrasound และเอกซเรย์หลอดเลือด เป็นการตรวจเพื่อช่วยยืนยันว่าอาการเจ็บและบวมที่เกิดขึ้นที่ขาเป็นอาการจากเส้นเลือดขอด ไม่ได้เกิดจากลิ่มเลือดหรือสิ่งอุดตันใด ๆ
การรักษาเส้นเลือดขอด
แพทย์อาจแนะนำให้ใส่ถุงน่องสำหรับรักษาเส้นเลือดขอดก่อนรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ โดยใส่รัดขาไว้ตลอดวัน เพื่อช่วยบีบไล่ให้หลอดเลือดและกล้ามเนื้อขาพาเลือดเคลื่อนตัวกลับสู่หัวใจได้ดียิ่งขึ้น
ในกรณีที่ใส่ถุงน่องรัดขาแล้วไม่ได้ผล ยังมีอาการเส้นเลือดขอดที่รุนแรงกว่า แพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การฉีดสารเข้าหลอดเลือดที่ขอดโดยเลือกใช้กับเส้นเลือดขอดขนาดเล็กถึงปานกลางเพื่อให้เกิดแผลเป็นและปิดเส้นเลือดเหล่านี้ เส้นเลือดแต่ละเส้นอาจได้รับการฉีดสารชนิดนี้มากกว่า 1 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้เส้นเลือดขอดทุเลาลงภายในไม่กี่สัปดาห์
- การฉีดสารผสมโฟมเข้าหลอดเลือดที่ขอดใช้รักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดใหญ่ เป็นวิธีการใหม่ที่อาจช่วยปิดและผนึกเส้นเลือดที่รั่วได้เช่นเดียวกับการฉีดน้ำยาแบบธรรมดา
- การผ่าตัดด้วยเลเซอร์การรักษาด้วยเลเซอร์ในปัจจุบันเป็นอีกเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกนำมาใช้ ด้วยการยิงแสงที่มีความจ้าสูงไปยังหลอดเลือดให้หลอดเลือดที่ขอดหายไปอย่างช้า ๆ
- การใช้สายสวนหลอดเลือดด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุหรือเลเซอร์มักใช้ในการรักษาหลอดเลือดที่มีขนาดใหญ่ โดยแพทย์จะสอดท่อบาง ๆ เข้าไปในหลอดเลือดที่บวมและทำให้ปลายของท่อนี้ร้อนขึ้นด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุหรือเลเซอร์ ความร้อนนี้จะไปทำลายหลอดเลือดโดยการปิดผนึกและทำให้หลอดเลือดยุบตัวลง
- การผูกและดึงหลอดเลือดแพทย์จะผูกหลอดเลือดก่อนที่หลอดเลือดดังกล่าวจะเข้าไปรวมกับหลอดเลือดที่ลึกลงไป จากนั้นนำเอาเอาหลอดเลือดที่ผูกออกมาโดยการผ่าตัด
- การผ่าตัดส่องกล้องการรักษาด้วยวิธีใช้เฉพาะในกรณีที่มีอาการรุนแรงของเส้นเลือดขอด มีการอักเสบที่ขา หรือหลังจากใช้วิธีอื่นแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
ในการณีที่ท่านจะหาซื้อครีมทางอินเทอร์เน็ตมาทาเพื่อทำการรักษานั้น ยังไม่มีงานวิจัยในมนุษย์ว่าได้ผลเป็นที่ชัดเจน เพียงแต่จะช่วยบรรเทาอาการปวดบวมได้เท่านั้น จึงไม่ขอแนะนำให้ท่านรักษาเส้นเลือดขอดด้วยวิธีทายา
บทสรุป
เส้นเลือดขอดทายา อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่ายังไม่มีรายงานว่าการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการทายาแล้วจะหาย การทายาเป็นเพียงช่วยบรรเทาอาการปวดบวมเท่านั้น ซึ่งหากท่านอยู่ในช่วงที่มีอาการรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด เนื่องจากหากปล่อยไว้นานอาจก่ออันตรายได้